คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน

สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ (Nearshoring)

ในมรสุมของโลกที่ต้องรับมือกับต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ได้กลายเป็นกลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานที่เป็นที่นิยมมากขึ้น
ในมรสุมของโลกที่ต้องรับมือกับต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ได้กลายเป็นกลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานที่เป็นที่นิยมมากขึ้น
18 พฤศจิกายน 2024 •

การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ คือกลยุทธ์ การเพิ่มความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน เช่นการเอาท์ซอร์สกระบวนการทางธุรกิจบางส่วนให้กับบริษัทภายนอกที่อยู่ใกล้กับประเทศหรือสถานที่ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นอย่างฉับพลัน ในสหภาพยุโรป (EU) ต้นทุนแรงงานต่อชั่วโมงได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ในพื้นที่ยูโร และร้อยละ 5.5 ใน EU ภายในไตรมาสแรกของปี 2024

นอกจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นแล้ว โลกต้องพบกบความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดแคลนอาหารและภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งย่อมมีผลกระทบกับห่วงโซ่อุปทาน

ดังนั้น การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ได้ถูกนำมาปรับใช้เพื่อรับมือกับปัญหาเหล่านี้ และเป็นวิธีการที่สำคัญสำหรับธุรกิจในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานและลดความขัดข้องต่างๆ ด้วยความสำคัญของการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ กับห่วงโซ่อุปทาน การทำความเข้าใจกลยุทธ์นี้จึงสำคัญอย่างยิ่ง มันทำงานอย่างไร และจะมีผลกระทบกับธุรกิจและลูกค้าของคุณอย่างไร

การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ หมายความว่าอะไร อะไรคือการบริหารการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ห่วงโซ่อุปทาน

ในการบริหารห่วงโซ่อุปทาน การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ คือกระบวนการเอาท์ซอร์สการผลิตหรือการให้บริการไปยังประเทศที่อยู่ใกล้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งต่างจากการย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ ซึ่งก็คือการย้ายไปยังสถานที่ห่างไกล ทั้งนี้การอยู่ใกล้คือหัวใจของการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทใน U.S.A. เลือกที่จะย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ที่เม็กซิโกเพื่อรับประโยชน์จากการประหยัดเวลา ต้นทุนการปฏิบัติงานที่ต่ำกว่า และประสิทธิภาพที่สูงกว่า

มาเลเซียคือหนึ่งในที่หมายอันดับต้นๆ สำหรับการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ โดยมีบริษัทจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า (E&E) การบินและอวกาศ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ใครคือผู้ที่น่าใจใช้การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ มากที่สุด

แม้ว่าการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะมีประโยชน์กับอุตสาหกรรมหลายชนิด การผลิตน่าจะใช้กลยุทธ์นี้มากที่สุด และนี่ก็ยิ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากภาวะการระบาดของ Covid-19 ที่ทำให้การผลิตของหลายๆ บริษัทต้องเกิดความขัดข้องอย่างรุนแรง แบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น Apple และ Honda ก็ไม่รอดพ้นเช่นกัน เพราะโรงงานหลายแห่งของพวกเขาในประเทศจีนได้หยุดดำเนินการ

นี่จึงกระตุ้นให้ธุรกิจการผลิตและบริษัทที่มีฝ่ายผลิตเริ่มการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ เพื่อเป็นกลยุทธ์การลดความเสี่ยง จากรายงาน 2020 Gartner survey report อย่างน้อยร้อยละ 33 ของผู้นำธุรกิจที่ให้สัมภาษน์ได้ย้ายฐานการผลิตและการจัดหาออกนอกประเทศจีน หรือมีแผนที่จะทำเช่นนั้นภายในสองสามปีนี้ คามาลา ราเมน นักวิเคราะห์ผู้อำนวยการอาวุโสของ Gartner ได้ระบุในรายงานว่า มีหลายธุรกิจที่เริ่มมองหาแหล่งการผลิตในภูมิภาคเป็นทางเลือกในการสร้งความแข็งแกร่งให้กับเครือข่าย

นอกจากการผลิต โลจิสติกส์ และการบริหาร ห่วงโซ่อุปทานแล้ว หลายๆ บริษัท มีโอกาสสูงมากในการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ เพื่อลดต้นทุน เนื่องจากกฎข้อบังคับที่ห้ามการเดินทางและการเข้าประเทศ การนำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศจึงเกิดความขัดข้อง นี่จึงกระตุ้นให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เริ่มทดลองเทคนิคการเพิ่มความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน เช่นการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ

ทำไมการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จึงเริ่มเป็นที่นิยม

มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ เป็นที่นิยมมากขึ้น ปัจจัยหลักประการหนึ่งก็คือภาวะการระบาดของ Covid-19 ซึ่งได้เผยให้เห็นถึงความบอบบางของห่วงโซ่อุปทานระยะไกล โดยเฉพาะพวกที่ได้ย้ายฐานการผลิตส่วนประกอบทั้งหมดหรือบางส่วนมาใกล้ๆ แล้ว การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหานี้ โดยการทำให้แน่ใจว่าห่วงโซ่อุปทานยังคงทำงานได้อย่างไม่ติดขัดมากนักในช่วงวิกฤต

ค่าแรงที่สูงขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ได้ฝังรากลึกลงในฮับการผลิตเดิมๆ ที่เคยมีต้นทุนต่ำเช่นจีนและอินเดีย การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะช่วยรับมือกับปัญหานี้โดยการจัดวางธุรกิจไว้ในประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำ เม็กซิโกคือหนึ่งในประเทศดังกล่าว ซึ่งเป็นประเทศที่มีค่าแรงรวมรายชั่วโมงสูงถึง US$4.90 (€4.48)

ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ธุรกิจต้อง เปลี่ยนเส้นทางห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาผ่านการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ตัวอย่างเช่นสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้กระตุ้นให้เกิด การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ยุโรป ทั้งนี้ได้มีการลงทุนไปมากกว่า 82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (77.43 พันล้านยูโร) กับโครงการผลิตในต่างประเทศในจุดที่อยู่ใกล้ 15 แห่งในยุโรปกลางและตะวันออก และแอฟริกาเหนือระหว่างปี 2022 และ 2023.

ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจขับเคลื่อนการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ อย่างไร

ในขณะที่ Covid-19 ได้เร่งการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ และกลยุทธ์อื่นๆ ในการเพิ่มความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน ยังมีปัญหาระดับโลกอื่นๆ ที่ขับเคลื่อนแนวโน้มนี้เช่นกัน ซึ่งได้แก่สงคราม ความตึงเครียดทางการค้า นโยบายลัทธิคุ้มครองการค้า และค่าเชื้อเพลิงที่พุ่งขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดผู้บริโภคได้หันมานิยมการจัดส่งที่เร็วขึ้นและโปร่งใสมากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องย้ายการปฏิบัติงานเข้าใกล้ตลาดเป้าหมายมากขึ้น

ประโยชน์ของการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ คืออะไร

นอกจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทจะได้ประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้หมายความว่าการเลือกวางตำแหน่งฐานการผลิตของพวกเขานั้นทำให้ต้นทุนต่ำลง.

1. ลดเวลารอสินค้า

การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะลดช่องว่างระหว่างส่วนต่างๆ ของห่วงโซ่อุปทาน และย่นระยะทางในการขนส่งสินค้าและส่วนประกอบ

2. ความโปร่งใสและการควบคุมมากขึ้น

ปัญหาอันยาวนานที่ธุรกิจต้องเผชิญก็คือ เมื่อพวกเขาเอาท์ซอร์สการดำเนินงานก็คือทัศนวิสัยและความสามารถในการควบคุมการปฏิบัติงานที่ลดลงในประเทศที่หมาย

การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะช่วยลดปัญหานี้ เนื่องจากความใกล้กับประเทศที่หมายจะทำให้เกิดการเยี่ยมชมไซต์งานบ่อยขึ้น มีการสื่อสารและการสร้างความคาดหวังทางธุรกิจให้ตรงกันได้ดีขึ้น และสามารถควบคุมกระบวนการสำคัญต่างๆ ได้ดีขึ้น

3. การลดความเสี่ยง

การเพิ่มความหลากหลายด้านตำแหน่งของซัพพลายเออร์ของธุรกิจ ผสมผสานกับเทคนิคอื่นๆ ในการการสร้างความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทานจะช่วยลดการพึ่งพาแหล่งทรัพยากรเพียงแห่งเดียว นี่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน และทำให้แน่ใจว่าธุรกิจจะยังคงดำเนินไปได้แม้ว่าจะเกิดปัญหาความขัดข้องระดับโลกเช่นสงครามการค้าและภัยธรรมชาติก็ตาม

4. ความเข้ากันได้ทางวัฒนธรรมที่ดีขึ้น

การอยู่ในเขตเวลาเดียวกันและการมีภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่คล้ายกันกับประเทศที่ย้ายฐานการผลิตไป บริษัทสามารถสื่อสารและร่วมงานกับตัวแทนจำหน่ายและซัพพลายเออร์ของพวกเขาได้ดีขึ้น และช่วยในการตั้งเป้าหมายและความคาดหวังของทั้งกลุ่มให้สอดคล้องกัน footprint

การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะย่นระยะทางการขนส่งได้อย่างมาก ในบางกรณีก็สามารถตัดความจำเป็นในการใช้การขนส่งทางอากาศและทะเลได้ ดังนั้นจึงช่วยในการลดการปล่อยคาร์บอน และทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมได้

การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ การย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ และการย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิมต่างกันอย่างไร 

แม้ว่าทั้งสามแนวคิดล้วนเป็นกลยุทธ์ในการสร้างความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน ตำแหน่งคือจุดแยกแยะที่สำคัญ การย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศคือการเอาท์ซอร์สกระบวนการทางธุรกิจไปต่างประเทศ กลยุทธ์นี้คือแนวทางดั้งเดิมในการลดต้นทุนการผลิต

Offshoring นําการเอาท์อร์ไปไกลกว่านั้น โดยขยายกระบวนการทางธุรกิจออกจากชายฝั่งไปยังประเทศอื่น กลยุทธ์นี้ถูกนํามาใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิต
reshoring จะย้อนกลับกิจกรรมเอาท์อร์ทั้งหมด โดยส่งคืนไปยังตลาดต้นทาง

บริษัทใดมีแนวโน้มที่จะใช้การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ หรือการย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิมมากที่สุด

บริษัทที่ร่วมงานกับซัพพลายเออร์อย่างใกล้ชิดหรือพยายามลดพิกัดอัตราภาษีสินค้านำเข้านั้นเหมาะกับการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ หรือการย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิม

ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เน้นที่ความเร็วในการจัดส่งและการควบคุมสายการผลิตของพวกเขาโดยตรงก็มีแนวโน้มสูงที่จะย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ หรือย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิม

ผลลัพธ์ของการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆหรือการย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิมมีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร

การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ และ การย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิมจะช่วยสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มักจะพบกับอุปสรรคทางสภาพอากาศให้แข็งแกรง นอกจากจะมีความหลากหลายแล้ว ห่วงโซ่อุปทานเหล่านี้ยังอยู่ใกล้หรืออยู่ในประเทศต้นทางของพวกเขา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

กลยุทธ์ทั้งสองนี้ยังส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาค ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เหนียวแน่นขึ้น และการเป็นพันธมิตรทางการค้าที่แข็งแกร่งมากขึ้น

รัฐบาลต่างๆ ใช้มาตรการนโยบายใดในการชักชวนให้เกิดการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ

เพื่อสร้าง สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ รัฐบาลอาจพิจารณาปรับใช้นโยบายสร้างแรงจูงใจ

แรงจูงใจด้านภาษีคือหนึ่งในเครื่องมือหลักที่ใช้ในการจูงใจบริษัทต่างๆ ให้ย้ายฐานการปฏิบัติงานในเอเชีย ยกตัวอย่างเช่น ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมในเอเชียจะได้ประโยชน์จากพิกัดอัตราภาษีที่ลดลง กติกาการค้าที่คล่องตัวมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนสำหรับบริษัทที่เป็นไปตามข้อกำหนดของข้อตกลงดังกล่าว นี่จึงน่าดึงดูดอย่างมากสำหรับการผลิตและการประกอบต่างๆ ที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

นอกจากการลดภาษีแล้ว รัฐบาลต่างๆ ในเอเชียต่างก็ลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาการเชื่อมต่อ ยกตัวอย่างเช่นรัฐบาลอินโดนีเซียที่ได้ทุ่มเททรัพยากรจำนวนมากเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลและโลจิสติกส์ของตน ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงท่าเรือในเมืองหลักต่างๆ

This investment aims to boost regional trade and support industries nearshoring in Indonesia, particularly as businesses look to diversify away from sole dependence on markets like China.
การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการค้าในภูมิภาค และสนับสนุน อุตสาหกรรมต่างๆ ที่ย้ายฐานการผลิตเข้าไปในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องการสร้างความหลากหลายและถอยออกจากการพึ่งพาตลาดจีนเพียงแห่งเดียว

สรุปได้ว่าการลดความซับซ้อนของกระบวนการศุลกากรและการลดความซับซ้อนทางกฎระเบียบเป็นแนวทางที่รัฐบาลในเอเชียกำลังนำไปปรับใช้ ในประเทศอินเดีย รัฐบาลได้นำเสนอโครงการผลิตในอินเดีย ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่างๆ เพื่อความสะดวกในกระบวนการศุลกากร การอนุมัติที่เรียบง่ายขึ้น และการลดจุดคอขวดในการปฏิบัติงาน โครงการนี้ยังมีแรงจูงใจด้านภาษีสำหรับบริษัทที่ก่อตั้งฮับการผลิตในอินเดีย ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาดอินเดียได้อย่างสะดวกขึ้น และยังส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ อีกด้วย

ประเทศใดบ้างที่ควรลองย้ายฐานการปฏิบัติงานมาใกล้ๆ

บริษัทต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวระดับโลก หรือที่กำลังมองหาทางเลือกอื่นที่ถูกกว่าในด้านการผลิต ควรย้ายฐานการปฏิบัิติงานมาใกล้ๆ ในขณะที่ U.S. และหลายๆ ประเทศในสหภาพยุโรปได้ดำเนินการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกก็ได้ย้ายฐานการปฏิบัติงานของพวกเขาไปยังตลาดที่มีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่าเช่นกัน เช่นจากจีนไปอินเดีย จากสิงคโปร์ไปมาเลเซียและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ข้อตกลงทางการค้าและมาตรการของรัฐบาลมีบทบาทในการส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ อย่างไร

ข้อตกลงทางการค้าผสมผสานกับมาตรการของรัฐบาลนั้นเอื้ออำนวยต่อกิจกรรมการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ โดยการลดอุปสรรคทางการค้าต่างๆ และใช้แนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ยุติธรรม

โครงการริเริ่มเหล่านี้ยังลดความซับซ้อนของกฎระเบียบต่างๆ อีกด้วย จึงทำให้บริษัทต่างๆ สามารถทำการค้าระหว่างภูมิภาคได้อย่างสะดวกขึ้น สรุปได้ว่า พวกเขาได้กำหนดกฎเกณฑ์ที่ทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมทางกฎระเบียบที่มั่นคงและคาดเดาได้ จึงทำให้ธุรกิจมีความมั่นใจที่จะประสานงานกันระหว่างภูมิภาค

ท่ามกลางความผันผวนของตลาดโลกทุกวันนี้ การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ได้กลายมาเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความหลากหลายและความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา เพื่อความแข็งแกร่งและความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน นี่เป็นมากกว่าแค่แนวโน้ม แต่เป็นแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่กำลังกำหนดรูปแบบของการบริหารห่วงโซ่อุปทานต่อไปในอนาคตต่อไปอีกยาวนาน

ความเข้าใจและการใช้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ นั้นไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับบริษัทที่ต้องการปรับตัวและเติบโตต่อไป

คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน

นวัตกรรม
ระบบ Track & Trace: เหตุใดธุรกิจคุณจึงต้องใช้ระบบนี้มากขึ้นกว่าเดิม
ข้อมูลเชิงลึก
การขนส่งสินค้าด้วยรถยนต์ กับเส้นทางสู่อนาคตที่สดใสกว่าเดิม ในยุคโควิด-19
ข้อมูลเชิงลึก
ห่วงโซ่อุปทานการจัดหาวัสดุทดแทน ในการวิจัยทางคลินิกที่ฟื้นตัวได้เร็ว กำลังขับเคลื่อนการเติบโตด้านเภสัชกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ข้อมูลเชิงลึก
การขยายโอกาสทางการค้าสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในโลกหลังการระบาด
ข้อมูลเชิงลึก
การปฏิวัติดิจิทัลของตัวแทนจัดส่งสินค้า: คำถามไม่ใช่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เป็นเกิดขึ้นเมื่อไหร่
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง