สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ (Nearshoring)
การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ คือกลยุทธ์ การเพิ่มความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน เช่นการเอาท์ซอร์สกระบวนการทางธุรกิจบางส่วนให้กับบริษัทภายนอกที่อยู่ใกล้กับประเทศหรือสถานที่ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นอย่างฉับพลัน ในสหภาพยุโรป (EU) ต้นทุนแรงงานต่อชั่วโมงได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ในพื้นที่ยูโร และร้อยละ 5.5 ใน EU ภายในไตรมาสแรกของปี 2024
นอกจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นแล้ว โลกต้องพบกบความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดแคลนอาหารและภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งย่อมมีผลกระทบกับห่วงโซ่อุปทาน
ดังนั้น การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ได้ถูกนำมาปรับใช้เพื่อรับมือกับปัญหาเหล่านี้ และเป็นวิธีการที่สำคัญสำหรับธุรกิจในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานและลดความขัดข้องต่างๆ ด้วยความสำคัญของการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ กับห่วงโซ่อุปทาน การทำความเข้าใจกลยุทธ์นี้จึงสำคัญอย่างยิ่ง มันทำงานอย่างไร และจะมีผลกระทบกับธุรกิจและลูกค้าของคุณอย่างไร
การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ หมายความว่าอะไร อะไรคือการบริหารการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ห่วงโซ่อุปทาน
ในการบริหารห่วงโซ่อุปทาน การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ คือกระบวนการเอาท์ซอร์สการผลิตหรือการให้บริการไปยังประเทศที่อยู่ใกล้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งต่างจากการย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ ซึ่งก็คือการย้ายไปยังสถานที่ห่างไกล ทั้งนี้การอยู่ใกล้คือหัวใจของการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทใน U.S.A. เลือกที่จะย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ที่เม็กซิโกเพื่อรับประโยชน์จากการประหยัดเวลา ต้นทุนการปฏิบัติงานที่ต่ำกว่า และประสิทธิภาพที่สูงกว่า
มาเลเซียคือหนึ่งในที่หมายอันดับต้นๆ สำหรับการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ โดยมีบริษัทจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า (E&E) การบินและอวกาศ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ใครคือผู้ที่น่าใจใช้การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ มากที่สุด
แม้ว่าการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะมีประโยชน์กับอุตสาหกรรมหลายชนิด การผลิตน่าจะใช้กลยุทธ์นี้มากที่สุด และนี่ก็ยิ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากภาวะการระบาดของ Covid-19 ที่ทำให้การผลิตของหลายๆ บริษัทต้องเกิดความขัดข้องอย่างรุนแรง แบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น Apple และ Honda ก็ไม่รอดพ้นเช่นกัน เพราะโรงงานหลายแห่งของพวกเขาในประเทศจีนได้หยุดดำเนินการ
นี่จึงกระตุ้นให้ธุรกิจการผลิตและบริษัทที่มีฝ่ายผลิตเริ่มการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ เพื่อเป็นกลยุทธ์การลดความเสี่ยง จากรายงาน 2020 Gartner survey report อย่างน้อยร้อยละ 33 ของผู้นำธุรกิจที่ให้สัมภาษน์ได้ย้ายฐานการผลิตและการจัดหาออกนอกประเทศจีน หรือมีแผนที่จะทำเช่นนั้นภายในสองสามปีนี้ คามาลา ราเมน นักวิเคราะห์ผู้อำนวยการอาวุโสของ Gartner ได้ระบุในรายงานว่า มีหลายธุรกิจที่เริ่มมองหาแหล่งการผลิตในภูมิภาคเป็นทางเลือกในการสร้งความแข็งแกร่งให้กับเครือข่าย
นอกจากการผลิต โลจิสติกส์ และการบริหาร ห่วงโซ่อุปทานแล้ว หลายๆ บริษัท มีโอกาสสูงมากในการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ เพื่อลดต้นทุน เนื่องจากกฎข้อบังคับที่ห้ามการเดินทางและการเข้าประเทศ การนำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศจึงเกิดความขัดข้อง นี่จึงกระตุ้นให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เริ่มทดลองเทคนิคการเพิ่มความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน เช่นการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ
ทำไมการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จึงเริ่มเป็นที่นิยม
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ เป็นที่นิยมมากขึ้น ปัจจัยหลักประการหนึ่งก็คือภาวะการระบาดของ Covid-19 ซึ่งได้เผยให้เห็นถึงความบอบบางของห่วงโซ่อุปทานระยะไกล โดยเฉพาะพวกที่ได้ย้ายฐานการผลิตส่วนประกอบทั้งหมดหรือบางส่วนมาใกล้ๆ แล้ว การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหานี้ โดยการทำให้แน่ใจว่าห่วงโซ่อุปทานยังคงทำงานได้อย่างไม่ติดขัดมากนักในช่วงวิกฤต
ค่าแรงที่สูงขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ได้ฝังรากลึกลงในฮับการผลิตเดิมๆ ที่เคยมีต้นทุนต่ำเช่นจีนและอินเดีย การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะช่วยรับมือกับปัญหานี้โดยการจัดวางธุรกิจไว้ในประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำ เม็กซิโกคือหนึ่งในประเทศดังกล่าว ซึ่งเป็นประเทศที่มีค่าแรงรวมรายชั่วโมงสูงถึง US$4.90 (€4.48)
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ธุรกิจต้อง เปลี่ยนเส้นทางห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาผ่านการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ตัวอย่างเช่นสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้กระตุ้นให้เกิด การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ยุโรป ทั้งนี้ได้มีการลงทุนไปมากกว่า 82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (77.43 พันล้านยูโร) กับโครงการผลิตในต่างประเทศในจุดที่อยู่ใกล้ 15 แห่งในยุโรปกลางและตะวันออก และแอฟริกาเหนือระหว่างปี 2022 และ 2023.
ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจขับเคลื่อนการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ อย่างไร
ในขณะที่ Covid-19 ได้เร่งการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ และกลยุทธ์อื่นๆ ในการเพิ่มความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน ยังมีปัญหาระดับโลกอื่นๆ ที่ขับเคลื่อนแนวโน้มนี้เช่นกัน ซึ่งได้แก่สงคราม ความตึงเครียดทางการค้า นโยบายลัทธิคุ้มครองการค้า และค่าเชื้อเพลิงที่พุ่งขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดผู้บริโภคได้หันมานิยมการจัดส่งที่เร็วขึ้นและโปร่งใสมากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องย้ายการปฏิบัติงานเข้าใกล้ตลาดเป้าหมายมากขึ้น
ประโยชน์ของการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ คืออะไร
นอกจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทจะได้ประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้หมายความว่าการเลือกวางตำแหน่งฐานการผลิตของพวกเขานั้นทำให้ต้นทุนต่ำลง.
1. ลดเวลารอสินค้า
การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะลดช่องว่างระหว่างส่วนต่างๆ ของห่วงโซ่อุปทาน และย่นระยะทางในการขนส่งสินค้าและส่วนประกอบ
2. ความโปร่งใสและการควบคุมมากขึ้น
ปัญหาอันยาวนานที่ธุรกิจต้องเผชิญก็คือ เมื่อพวกเขาเอาท์ซอร์สการดำเนินงานก็คือทัศนวิสัยและความสามารถในการควบคุมการปฏิบัติงานที่ลดลงในประเทศที่หมาย
การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะช่วยลดปัญหานี้ เนื่องจากความใกล้กับประเทศที่หมายจะทำให้เกิดการเยี่ยมชมไซต์งานบ่อยขึ้น มีการสื่อสารและการสร้างความคาดหวังทางธุรกิจให้ตรงกันได้ดีขึ้น และสามารถควบคุมกระบวนการสำคัญต่างๆ ได้ดีขึ้น
3. การลดความเสี่ยง
การเพิ่มความหลากหลายด้านตำแหน่งของซัพพลายเออร์ของธุรกิจ ผสมผสานกับเทคนิคอื่นๆ ในการการสร้างความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทานจะช่วยลดการพึ่งพาแหล่งทรัพยากรเพียงแห่งเดียว นี่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน และทำให้แน่ใจว่าธุรกิจจะยังคงดำเนินไปได้แม้ว่าจะเกิดปัญหาความขัดข้องระดับโลกเช่นสงครามการค้าและภัยธรรมชาติก็ตาม
4. ความเข้ากันได้ทางวัฒนธรรมที่ดีขึ้น
การอยู่ในเขตเวลาเดียวกันและการมีภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่คล้ายกันกับประเทศที่ย้ายฐานการผลิตไป บริษัทสามารถสื่อสารและร่วมงานกับตัวแทนจำหน่ายและซัพพลายเออร์ของพวกเขาได้ดีขึ้น และช่วยในการตั้งเป้าหมายและความคาดหวังของทั้งกลุ่มให้สอดคล้องกัน footprint
การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ จะย่นระยะทางการขนส่งได้อย่างมาก ในบางกรณีก็สามารถตัดความจำเป็นในการใช้การขนส่งทางอากาศและทะเลได้ ดังนั้นจึงช่วยในการลดการปล่อยคาร์บอน และทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมได้
การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ การย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ และการย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิมต่างกันอย่างไร
แม้ว่าทั้งสามแนวคิดล้วนเป็นกลยุทธ์ในการสร้างความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน ตำแหน่งคือจุดแยกแยะที่สำคัญ การย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศคือการเอาท์ซอร์สกระบวนการทางธุรกิจไปต่างประเทศ กลยุทธ์นี้คือแนวทางดั้งเดิมในการลดต้นทุนการผลิต
บริษัทใดมีแนวโน้มที่จะใช้การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ หรือการย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิมมากที่สุด
บริษัทที่ร่วมงานกับซัพพลายเออร์อย่างใกล้ชิดหรือพยายามลดพิกัดอัตราภาษีสินค้านำเข้านั้นเหมาะกับการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ หรือการย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิม
ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เน้นที่ความเร็วในการจัดส่งและการควบคุมสายการผลิตของพวกเขาโดยตรงก็มีแนวโน้มสูงที่จะย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ หรือย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิม
ผลลัพธ์ของการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆหรือการย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิมมีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร
การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ และ การย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่ประเทศเดิมจะช่วยสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มักจะพบกับอุปสรรคทางสภาพอากาศให้แข็งแกรง นอกจากจะมีความหลากหลายแล้ว ห่วงโซ่อุปทานเหล่านี้ยังอยู่ใกล้หรืออยู่ในประเทศต้นทางของพวกเขา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
กลยุทธ์ทั้งสองนี้ยังส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาค ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เหนียวแน่นขึ้น และการเป็นพันธมิตรทางการค้าที่แข็งแกร่งมากขึ้น
รัฐบาลต่างๆ ใช้มาตรการนโยบายใดในการชักชวนให้เกิดการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ
เพื่อสร้าง สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ รัฐบาลอาจพิจารณาปรับใช้นโยบายสร้างแรงจูงใจ
แรงจูงใจด้านภาษีคือหนึ่งในเครื่องมือหลักที่ใช้ในการจูงใจบริษัทต่างๆ ให้ย้ายฐานการปฏิบัติงานในเอเชีย ยกตัวอย่างเช่น ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมในเอเชียจะได้ประโยชน์จากพิกัดอัตราภาษีที่ลดลง กติกาการค้าที่คล่องตัวมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนสำหรับบริษัทที่เป็นไปตามข้อกำหนดของข้อตกลงดังกล่าว นี่จึงน่าดึงดูดอย่างมากสำหรับการผลิตและการประกอบต่างๆ ที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นอกจากการลดภาษีแล้ว รัฐบาลต่างๆ ในเอเชียต่างก็ลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาการเชื่อมต่อ ยกตัวอย่างเช่นรัฐบาลอินโดนีเซียที่ได้ทุ่มเททรัพยากรจำนวนมากเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลและโลจิสติกส์ของตน ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงท่าเรือในเมืองหลักต่างๆ
สรุปได้ว่าการลดความซับซ้อนของกระบวนการศุลกากรและการลดความซับซ้อนทางกฎระเบียบเป็นแนวทางที่รัฐบาลในเอเชียกำลังนำไปปรับใช้ ในประเทศอินเดีย รัฐบาลได้นำเสนอโครงการผลิตในอินเดีย ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่างๆ เพื่อความสะดวกในกระบวนการศุลกากร การอนุมัติที่เรียบง่ายขึ้น และการลดจุดคอขวดในการปฏิบัติงาน โครงการนี้ยังมีแรงจูงใจด้านภาษีสำหรับบริษัทที่ก่อตั้งฮับการผลิตในอินเดีย ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาดอินเดียได้อย่างสะดวกขึ้น และยังส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ อีกด้วย
ประเทศใดบ้างที่ควรลองย้ายฐานการปฏิบัติงานมาใกล้ๆ
บริษัทต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวระดับโลก หรือที่กำลังมองหาทางเลือกอื่นที่ถูกกว่าในด้านการผลิต ควรย้ายฐานการปฏิบัิติงานมาใกล้ๆ ในขณะที่ U.S. และหลายๆ ประเทศในสหภาพยุโรปได้ดำเนินการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกก็ได้ย้ายฐานการปฏิบัติงานของพวกเขาไปยังตลาดที่มีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่าเช่นกัน เช่นจากจีนไปอินเดีย จากสิงคโปร์ไปมาเลเซียและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อตกลงทางการค้าและมาตรการของรัฐบาลมีบทบาทในการส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ อย่างไร
ข้อตกลงทางการค้าผสมผสานกับมาตรการของรัฐบาลนั้นเอื้ออำนวยต่อกิจกรรมการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ โดยการลดอุปสรรคทางการค้าต่างๆ และใช้แนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ยุติธรรม
โครงการริเริ่มเหล่านี้ยังลดความซับซ้อนของกฎระเบียบต่างๆ อีกด้วย จึงทำให้บริษัทต่างๆ สามารถทำการค้าระหว่างภูมิภาคได้อย่างสะดวกขึ้น สรุปได้ว่า พวกเขาได้กำหนดกฎเกณฑ์ที่ทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมทางกฎระเบียบที่มั่นคงและคาดเดาได้ จึงทำให้ธุรกิจมีความมั่นใจที่จะประสานงานกันระหว่างภูมิภาค
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดโลกทุกวันนี้ การย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ ได้กลายมาเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความหลากหลายและความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา เพื่อความแข็งแกร่งและความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน นี่เป็นมากกว่าแค่แนวโน้ม แต่เป็นแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่กำลังกำหนดรูปแบบของการบริหารห่วงโซ่อุปทานต่อไปในอนาคตต่อไปอีกยาวนาน
ความเข้าใจและการใช้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตมาใกล้ๆ นั้นไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับบริษัทที่ต้องการปรับตัวและเติบโตต่อไป
คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน