การจัดการกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นโดยใช้วิธีโลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบ
เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วที่เสถียรภาพและความต่อเนื่องสม่ำเสมอในการค้าระดับโลกบ่งบอกถึงเส้นทางที่ราบรื่นสำหรับโลจิสติกส์และการขนส่ง แต่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การพลิกผันของสภาพอากาศ ความกดดันด้านการเงินการคลัง และความกำกวมของระเบียบข้อบังคับ ทั้งหมดนี้ล้วนคุกคามเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานระดับโลกทั้งสิ้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีปรากฏการณ์ “Black Swan” หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและไม่อาจคาดเดาได้เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ ซึ่งทำลายเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานระดับโลกไปทั่วโลก แม้ในขณะที่เรากำลังฟื้นตัวจากภาวะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 แต่สงครามในยุโรป ฉนวนกาซา และการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง ก็ได้ทำให้เกิดโลกแห่งความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือ (VUCA) อย่างแท้จริง ซึ่งไม่ได้ใกล้เคียงกับความปกติในแบบที่เราคิดไว้เลย
ผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานนั้นมีมูลค่ามหาศาล ผลการสำรวจเมื่อปี 2021 เผยว่าภาวะชะงักงันทำให้องค์กรต้องแบกรับต้นทุนเฉลี่ยถึง 184 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (169 ล้านยูโร) ต่อปี ภาระหนักด้านการนำเข้าและส่งออกนี้ สหรัฐอเมริกา (U.S.) คือผู้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ซึ่งองค์กรที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าจะมีต้นทุนเฉลี่ยต่อปีคิดเป็นมูลค่าถึง 228 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (211 ล้านยูโร) โดยประมาณ
โควิด-19 คือสาเหตุหลักที่ใหญ่ที่สุดเบื้องหลังต้นทุนการเงินปริมาณมหาศาลนี้ โดย 72 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามประจำปี 2022 ระบุว่าการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลเสียต่อธุรกิจของตน แม้ว่าการระบาดใหญ่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทันที แต่มันก็ช่วยเร่งให้มีการนำนวัตกรรมและวิธีการต่าง ๆ มาใช้เร็วขึ้น ทำให้ห่วงโซ่อุปทานมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นยิ่งขึ้น
ในบรรดาวิธีการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ได้ผลดีคือวิธีการที่โดดเด่นมากในการช่วยส่งเสริมความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานระดับโลกและลดความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะชะงักงันลง
การใช้โลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบสามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน
โลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบจะรวมการขนส่งหลาย ๆ โหมดเข้าด้วยกันเพื่อขนย้ายสินค้าจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุด เนื่องจากการบริหารจัดการและการประสานงานจะทำโดยผู้ให้บริการเพียงหนึ่งราย โลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบจึงเป็นการผสมผสานการขนส่งทางอากาศ ทางทะเล ทางถนน และทางรางเข้าไว้ด้วยกัน
เมื่อใช้วิธีนี้ การดำเนินการจึงมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจนเป็นที่พึงพอใจของธุรกิจ เพราะเป็นการรวมเอาจุดเด่นของการขนส่งในโหมดต่าง ๆ มาใช้ในการขนส่งสินค้าของบริษัท รถบรรทุกจะให้ความรวดเร็วและคล่องตัวสำหรับการขนส่งระยะทางสั้น ๆ ในขณะที่เรือซึ่งเป็นการขนส่งระยะไกลทางทะเลจะมีการปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องบิน
ช่วงปลายปี 2023 การขนส่งในทะเลแดงที่หยุดชะงักลงส่งผลกระทบต่อหลายเส้นทางที่มีชัยภูมิดีเยี่ยมในเอเชียแปซิฟิก การส่งสินค้าผ่านทะเลแดงกลายเป็นเรื่องเสี่ยงอันตราย การเปลี่ยนเส้นทางเดินเรืออ้อมทวีปแอฟริกาย่อมหมายถึงระยะเวลาในการขนส่งที่นานขึ้น และเมื่อใช้การขนส่งทางอากาศก็จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
ภาวะชะงักงันอันมีสาเหตุมาจากทะเลแดงทำให้แบรนด์กีฬารายใหญ่ทำการติดต่อ DHL พร้อมด้วยคำขอสำคัญในการส่งสต็อคสินค้าของแบรนด์ ซึ่งภารกิจนี้มีความท้าทายโดยเฉพาะในตอนท้ายของช่วงพีคที่สต็อคจะมีปริมาณสูงมาก
ในการส่งรองเท้าและเสื้อผ้าไปยังร้านค้าต่างๆ ทางทีม DHL Customer Solutions & Innovation (CSI) ร่วมกับ DHL Global Forwarding เลือกใช้วิธีการขนส่งทางรางให้กับชุดกีฬาเหล่านี้ที่เดิมใช้วิธีการขนส่งทางทะเลมาก่อน
นื่องจากบริษัทเคยให้บริการขนส่งทางรางมาแล้วทั้งก่อนและในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ ทาง DHL Global Forwarding จึงมีสายสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับทีมขนส่งทางรางในประเทศต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ทีม DHL Global Forwarding จึงสามารถรับมือกับคำขอเพื่อจองรถไฟเป็นรายสัปดาห์ให้กับลูกค้าแบรนด์กีฬารายดังกล่าว และตอบสนองต่อความต้องการของแบรนด์ในการขนส่งสินค้า 35 ถึง 41 ตู้คอนเทนเนอร์จากโรงงานในเอเชีย (เวียดนาม กัมพูชา และจีน) ไปยังจุดหมายปลายทางในเยอรมนีและสหราชอาณาจักร (U.K.) ได้ทุกสัปดาห์
เส้นทางทางอากาศเพื่อการส่งมอบในขั้นสุดท้าย
นอกจากจะเป็นโลจิสติกส์แบบครบวงจรแล้ว โลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบยังถูกใช้ในการส่งมอบขั้นสุดท้ายด้วยเช่นกัน เพราะเวลาคือสิ่งสำคัญที่ช่วยรับประกันว่าสินค้าจะถูกจัดส่งถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เมื่อนึกถึงสภาพตัวเมืองทั่ว ๆไป การจราจรแออัดคือสาเหตุหลักที่ทำให้การจัดส่งสินค้าเกิดความล่าช้า แม้ว่ารถบรรทุกจะเหมาะกับการขนส่งสินค้าระยะทางไกล แต่การจราจรที่หนาแน่นก็อาจทำให้ต้องเสียเวลาถึง 60 เปอร์เซ็นต์ไปกับการจอดนิ่งท่ามกลางสภาพการจราจรติดขัดโดยไม่สามารถเคลื่อนรถได้ ในกรณีเช่นนี้ การเปลี่ยนไปใช้ยานพาหนะที่มีขนาดเล็กลงและกะทัดรัดขึ้นอย่างเช่นรถตู้ หรือแม้แต่รถจักรยานยนต์จะได้เปรียบกว่า เนื่องจากสามารถฝ่าการจราจรและจบการเดินทางในช่วงที่เหลือได้อย่างสมบูรณ์
การสับเปลี่ยนวิธีการขนส่งรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายจะสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทานโดยรวมในระยะยาว เมื่อจุดเดียวของความล้มเหลวถูกกำจัดไปจากการใช้ตัวเลือกในการขนส่งหลายรูปแบบ ธุรกิจย่อมสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งได้โดยง่ายเมื่อเกิดภาวะชะงักงัน
ความยั่งยืนและประสิทธิภาพ มีทุกอย่างในที่เดียว
นอกจากจะสร้างอุปทานที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นแล้ว โลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบยังช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนของห่วงโซ่อุปทานอีกด้วย เนื่องจากการขนส่งในโหมดต่าง ๆ สร้างรอยเท้าทางสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน ธุรกิจสามารถเลือกโหมดที่ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเพื่อทำการขนส่งสินค้าด้วยรถยนต์ในเส้นทางเฉพาะได้ ดังเช่นในกรณีของ Nokia ที่ใช้ประโยชน์จากวิธีการ Multimodal Express (MMEX) ของ DHL Global Forwarding ในการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานของบริษัทจากจีนไปยังเมืองกูรีชีบาของบราซิล
ในช่วงแรก เส้นทางการจัดส่งทั้งหมดของ Nokia จะใช้การขนส่งทางอากาศ จากนั้น บริษัทได้เพิ่มการขนส่งทางทะเลและทางรถยนต์โดยใช้ MMEX เมื่อปรับเปลี่ยนระบบใหม่แล้ว ส่วนแรกของการเดินทางจากจีนสู่ลอสแอนเจลิสจะเป็นการขนส่งทางทะเล เมื่อสินค้าไปถึงลอสแอนเจลิส จะใช้รถบรรทุกขนส่งไปยังไมแอมี จากนั้นนำสินค้าขึ้นเครื่องบินเพื่อส่งไปยังอเมริกาใต้
การเปลี่ยนมาใช้บริการ MMEX ทำให้ Nokia ลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างน้อย 68 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้ไม่ได้ทำให้เวลาขนส่งเพิ่มขึ้นมากแต่อย่างใด
นอกจากนี้ โลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปล่อยคาร์บอน โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพในการขนส่ง ดังจะเห็นได้จากความร่วมมือระหว่าง Ocean Spray ซึ่งเป็นผู้ผลิตแครนเบอรี่รายใหญ่ของสหรัฐฯ กับผู้ให้บริการขนส่งทางรางอย่าง CSX และบริษัทอื่น ๆ ที่ให้บริการขนส่งผลไม้ ซึ่งการขนส่งหลายรูปแบบตั้งแต่ทางถนนจนถึงทางรางนี้ทำให้การปล่อยคาร์บอนลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งต้นทุนการขนส่งก็ลดลงอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน
การใช้โลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบให้ถูกวิธี
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาของโลก ธุรกิจที่มีไหวพริบจะสร้างความยืดหยุ่นให้กับตนเองด้วยการพลิกแพลงตามสถานการณ์เพื่อปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานของบริษัทโดยใช้โลจิสติกส์ต่อเนื่องหลายรูปแบบ
ธุรกิจต้องตัดสินใจเลือกรูปแบบการรวมโหมดและเส้นทางการขนส่งที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการวิเคราะห์ข้อควรพิจารณาที่สำคัญ อย่างเช่น ระยะทาง ความเร่งด่วน และต้นทุน ให้ถูกต้องแม่นยำ รวมทั้งยังต้องพิจารณาภาวะชะงักงันที่อาจเกิดขึ้นและปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ด้วย
นอกจากนี้ ธุรกิจยังต้องจัดทำเอกสารเส้นทางอุปทานตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางอย่างละเอียด โดยเฉพาะการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบที่มีการขนย้ายระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ดังนั้น บริษัทจึงควรรวมเข้ากับแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรองรับกระบวนการจัดทำเอกสาร ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าจะมองเห็นข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ เดินพิธีการศุลกากรได้อย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงที่จะเกิดความล่าช้า การรวมเข้ากับเทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามการขนส่งได้ทุกขั้นตอนของเส้นทางอุปทานอีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว ธุรกิจต้องสร้างสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับผู้ให้บริการขนส่งที่เชื่อถือได้ และประสานงานกันเพื่อสร้างตารางการส่งมอบสินค้าและเส้นทางเพื่อให้เส้นทางอุปทานจากต้นทางถึงปลายทางทั้งหมดมีความเหมาะสมที่สุด เมื่อใช้วิธีการรวมโหมดการขนส่งหลายรูปแบบอย่างมีกลยุทธ์ เท่ากับว่าธุรกิจได้เตรียมพร้อมรับความสำเร็จแล้ว เนื่องจากมีการสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทานของตน และรักษาความคุ้มทุนและประสิทธิภาพไปพร้อมกัน
คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน