ระบบ Track & Trace: เหตุใดธุรกิจคุณจึงต้องใช้ระบบนี้มากขึ้นกว่าเดิม
ด้วยการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล การมองเห็นและติดตามการจัดส่งนั้นกลายเป็นเรื่องที่โปร่งใสและคุ้มค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
การปรับปรุงการมองเห็นและติดตามนั้นยังกลายเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นในการค้าขายทั่วโลกและอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ใน Logistics Trend Radar ฉบับที่ห้าซึ่งเป็นฉบับล่าสุดของ DHL ระบุว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมที่สำคัญอย่างน้อย 11 จาก 29 นั้นได้รับผลกระทบโดยตรงจากการมองเห็นและติดตาม หรือต้องพึ่งพาอาศัยโครงสร้างพื้นฐานระบบติดตามที่ไว้วางใจได้เป็นปัจจัยหลักในการพัฒนา แนวโน้มเหล่านี้บางส่วนรวมถึงโลจิสติกส์แบบผสมผสานช่องทาง (Omnichannel) ตู้คอนเทนเนอร์อัจฉริยะ และความปลอดภัยยุคใหม่
ระบบ Track & Trace นั้นเป็นสิ่งที่จะอยู่กับเราต่อไปในฐานะองค์ประกอบเพิ่มมูลค่าของทุก ๆ ห่วงโซ่อุปทาน โดยอาศัยเหตุผลสามประการ คือ
- การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลคืออนาคตของโลจิสติกส์
เมื่อเส้นทางโลกาภิวัฒน์นั้นไม่อาจย้อนกลับและอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปริมาณการซื้อขายที่เฟื่องฟูขึ้นจึงกำลังกดทับลงมาบนโครงสร้างพื้นฐานของห่วงโซ่อุปทานที่มีอยู่เดิมอย่างหนัก อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้มองที่การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลเพื่อหาชุดทางออกของปัญหาที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความไว้วางใจได้ ลดต้นทุน และสร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืนขึ้นได้
จากความตระหนักว่าการเติบโตของการค้านั้นต้องอาศัยเครื่อข่ายโลจิสติกส์ทั่วโลกที่ราบรื่น ทาง Deutsche Post DHL Group จึงเริ่มใช้งานกลยุทธ์ 2025 ที่จะส่งมอบความเป็นเลิศในโลกดิจิทัลเพื่อสร้างขีดจำกัดและขีดความสามารถที่จำเป็นต่อการสนับสนุนทิศทางการเดินทางนี้ ระบบ Track & Trace ที่ใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต (IoT) ช่วยเก็บข้อมูล จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการวางรากฐานนี้
“IoT ช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อโลกจริงและดิจิทัลเข้าด้วยกันได้ด้วยการติดเซ็นเซอร์เพื่อติดตามคุณสมบัติทุก ๆ อย่างของพัสดุที่จัดส่ง ทั้งตำแหน่ง อุณหภูมิ ความชื้น แรงสะเทือน และอัปโหลดข้อมูลเหล่านั้นขึ้นสู่คลาวด์” คุณเอเรน ซังเจมเรนลา ผู้จัดการอาวุโส ส่วนงานนวัตกรรมของ DHL Asia Pacific Innovation Center อธิบาย “ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ กรณีการใช้งานที่เกิดขึ้นแบ่งได้เป็นสามด้านด้วยกันคือ การดำเนินงานอัจฉริยะ การขนส่ง และการส่งมอบขั้นสุดท้าย”
เทคโนโลยีการติดตามที่ใช้ IoT สามารถสร้างผลกระทบทางธุรกิจในเชิงบวกได้ด้วยการรวมการดำเนินงานอัจฉริยะ การปรับปรุงการมองเห็นและติดตาม รวมทั้งการควบคุมระหว่างการขนส่ง รวมทั้งการสร้างการส่งมอบขั้นสุดท้ายที่แข็งแกร่งและคุ้มค่าเข้าด้วยกันได้
การนำข้อมูลปริมาณมหาศาลอย่างไม่เคยมีมาก่อนที่เก็บรวบรวมมาจากทั้งห่วงโซ่อุปทานนั้นได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมในภาพรวมไปจากเดิม การวิเคราะห์ข้อมูลมหัตหรือข้อมูลบิ๊กดาต้าช่วยเราในการเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางขนส่ง เร่งความเร็วของขีดความสามารถการประมวลผล และส่งเสริมการคาดการณ์ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยง
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอกเกือบทุกรายที่เข้าร่วมการสำรวจในการศึกษาอย่างครอบคลุมระบุว่า การตัดสินใจโดยข้อมูลนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของกิจกรรมและกระบวนการห่วงโซ่อุปทานในอนาคต
- การมองเห็นและติดตามที่ดีขึ้นทำให้ห่วงโซอุปทานยั่งยืนและฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
ระหว่างที่เศรษฐกิจทั่วโลกต่อสู้กับโควิด-19 ความไม่เสถียรทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังปกคลุมอยู่ทั่วไป หลายฝ่ายต่างหาทางที่จะเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายการกระจายสินค้าของตน การมองเห็นและติดตามการจัดส่ง รวมทั้งระดับสินทรัพย์ที่ชัดเจนสามารถช่วยบริษัทในการก้าวผ่านความไม่แน่นอนและรักษาการควบคุมจากการชะงักงันครั้งสำคัญได้ด้วยการค้นหา ลำดับความสำคัญ ตลอดจนจัดการกับความเสี่ยง และความไม่มีประสิทธิภาพแต่เนิ่น ๆ เพื่อช่วยในการตอบสนองในสถานการณ์วิกฤติ
“ตอนนี้คือเวลาที่เราต้องปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานในเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยเราลดผลกระทบจากการชะงักงันในอนาคต” คุณเมแกน เดอร์โฟว์ กรรมการผู้จัดการและพาร์ทเนอร์ของ Boston Consulting Group กล่าว “มูลค่าของความสามารถในการฟื้นตัวที่เพิ่มขึ้นนี้สูงกว่าประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บริษัทอาจได้รับเมื่อพยายามลดต้นทุนโดยการพยายามหาเงินเพิ่มจากโซ่อุปทานทั่วโลก”
ในปัจจุบัน มีความกังวลเรื่องการขายผลิตภัณฑ์ยาปลอมกันมากเป็นพิเศษ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกว่า 90 ประเทศสามารถจับกุมและยึดเวชภัณฑ์การแพทย์ที่สำคัญซึ่งเป็นสินค้าปลอมได้มูลค่ากว่า 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (12.79 ล้านยูโร) ในการจับกุมครั้งสำคัญช่วงการระบาดของโควิด-19 เพียงอย่างเดียว ยิ่งไปกว่านั้น มีการพบว่ายากว่า 30% ที่จำหน่ายในตลาดเกิดใหม่นั้นเป็นยาปลอม ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนกว่าหนึ่งล้านคนในแต่ละปี
การปรับปรุงการมองเห็นและติดตามการจัดส่งนั้นสามารถเพิ่มอำนาจให้กับบริษัทในการจัดเก็บและแบ่งปันข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้องและจัดหาผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืนเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ รวมทั้งปกป้องความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภคได้ ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีระบบ Track & Trace ยังเป็นปัจจัยสำคัญของความปลอดภัยและการป้องกันการโจรกรรมซึ่งเป็นประเด็นความกังวลที่เกิดขึ้นมากเป็นพิเศษของการจัดส่งวัคซีนโควิด-19 ของแท้ที่จะต้องเกิดขึ้นในเร็ววัน
รับชม: การใช้งาน IoT ในบางภาคส่วนที่สำคัญ เช่น ผู้บริโภค ชีววิทยาศาสตร์ และการผลิต ที่ได้มีการพูดคุยกันไปในการสัมมนาผ่านเว็บที่จัดโดย DHL Asia Pacific Innovation Center
นวัตกรรมต่อเนื่องในด้าน IoT ยังช่วยคนในแวดวงอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ติดตามการจัดส่งให้ราบรื่นและลดความสูญเปล่าในส่วนที่เป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น ความกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ติดตาม GPS และความวุ่นวายที่เกี่ยวข้องในการเก็บอุปกรณ์กลับคืนหลังการส่งมอบเสร็จสิ้นนั้นผลักดันผู้ให้บริการต้องลงมือดำเนินการกับเรื่องนี้
“เพื่อจะเพิ่มประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายและเพื่อความสอดคล้องกับกลยุทธ์ GoGreen ของ DHL เรายังได้เริ่มหาทางสร้างอุปกรณ์ติดตามใช้งานซ้ำที่มีขนาดเล็กและสามารถรับกลับคืนได้สะดวกทางไปรษณีย์” คุณคริสโตเฟอร์ ฟัสส์ หัวหน้าฝ่าย DHL SmartSensor IoT ของ DHL Customer Solutions & Innovations (CSI) กล่าว
จากข้อมูลของคุณฟัสส์ ในอนาคตอุปกรณ์นี้และอุปกรณ์อื่นที่คล้ายคลึงกันจะยังสามารถทำงานด้วยการเก็บเกี่ยวพลังงาน หรือก็คือการใช้การแผ่รังสีในสภาพแวดล้อมจากอุปกรณ์หรือสายไฟใกล้เคียงมาเป็นพลังงานได้อีกด้วย
การตัดสินใจเปลี่ยนผ่านดิจิทัล: เมื่อใดที่ควรนำ IOT ไปใช้ในห่วงโซ่อุปทานของคุณ
การตัดสินใจเปลี่ยนผ่านดิจิทัล: เมื่อใดที่ควรนำ IOT ไปใช้ในห่วงโซ่อุปทานของคุณ
“ในขั้นเริ่มต้น เมื่อบริษัทตัดสินใจที่จะใช้ IoT นั้นมักไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งเดียว แต่มักเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการมุ่งหน้าสู่การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลในภาพรวมที่จะเพิ่มอำนาจการตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้น” คุณซังเจมเรนลา กล่าว
ขั้นตอนแรกคือ การบ่งชี้ปัญหาที่คุณต้องการแก้ไข สมมติฐานที่ต้องทดสอบ และประเภทของข้อมูลที่ต้องใช้ แนวทางการวิเคราะห์ปัญหาให้รอบด้านแบบนี้จะช่วยเราประเมินหาประเภทของข้อมูลที่จำเป็นในการจัดการกับจุดติดขัดเหล่านั้น
“ข้อมูลบางอย่างที่คุณต้องการนั้นอาจเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่หากไม่มี นั่นจะเป็นจุดที่คุณค่าของ IoT จะเข้ามาอุดช่องว่างระหว่างสิ่งที่คุณมีในวันนี้และสิ่งที่คุณจะสามารถบันทึกได้” คุณซังเจมเรนลา สรุป
- มอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
ท้ายที่สุดแล้วประโยชน์หลักของระบบ Track and Trace ทั้งสำหรับคนในแวดวงตลาด B2B และ B2C นั้นรวมถึงการลดทอนความเสี่ยง การควบคุมการดำเนินงาน การปรับปรุงการมีส่วนร่วมและความพึงพอใจของลูกค้า และการขยายกระแสรายได้
“ที่ DHL เราต้องการเสนอทางเลือกแก่ลูกค้าในการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งของตนผ่านแพลตฟอร์มเฉพาะอย่างราบรื่น” คุณฟัสส์ กล่าวในเรื่องการจัดลำดับความต้องการของลูกค้าในการพัฒนาระบบติดตามทั่วโลก
ตัวอย่างเช่น DHL Global Forwarding จะมีระบบ myDHLi ซึ่งช่วยให้ผู้จัดส่งสามารถจองเวลาการจัดส่ง รับใบเสนอราคา และรับข้อมูลสถานะการจัดส่ง
“ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เหล่านี้จะไหลเข้าสู่แพลตฟอร์มการติดตามด้วยเช่นกันระหว่างที่เริ่มใช้งานโซลูชั่นเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นและติดตามทรัพย์สินและการจัดส่งของตนได้ง่าย” คุณฟัสส์ กล่าวเสริม
ในการส่งมอบขั้นสุดท้าย การส่งมอบที่ผิดพลาดสามารถสร้างความเสียหายได้ถึงหลักพันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในแต่ละปี ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเลิกซื้อสินค้าจากร้านค้าหลังจากได้รับการจัดส่งที่ไม่ถูกต้องหรือล่าช้า แม้จะเพียงครั้งเดียวก็ตาม เพื่อแก้ไขปัญหานี้ DHL Express เพิ่มอำนาจให้กับผู้จัดส่งด้วยบริการการจัดส่งตามความต้องการ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าปลายทางมีตัวเลือกว่าจะรับการส่งมอบอย่างไร ด้วยอีเมลหรือการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ในเชิงรุกเรื่องความคืบหน้าการจัดส่ง
สิ่งที่คุณฟัสส์สรุป: “เราทำทุกอย่างนี้ไม่เพียงเพื่อการมองเห็นและการติดตาม แต่เพื่อการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นและข้อมูลเชิงลึกที่สามารถใช้ดำเนินการได้ ซึ่งการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานมีราคาพอสมควรและยังต้องมีความจำเป็นทางธุรกิจที่สำคัญเพื่อจะลงมือดำเนินการ”
คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน