Your default browser language is set to . Browse this site in another language: Continue color Created with Sketch.

รายงานและเอกสารรายงาน

Read logistics-related industry reports, & sector-specific important-export guides here.

ดูแหล่งข้อมูลทั้งหมด

Navigating Latest Tariff Developments

Global trade is growing more complex with new U.S. tariffs and global responses. DHL is here to help you navigate the changes.

Explore our solutions
  • Get a sales representative to contact me
  • I agree to the  Terms and Privacy Notice
คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน

ระบบ Track & Trace: เหตุใดธุรกิจคุณจึงต้องใช้ระบบนี้มากขึ้นกว่าเดิม

การปรับปรุงการมองเห็นและการติดตามในห่วงโซ่อุปทานนั้นเป็นสิ่งสำคัญทั้งสำหรับการจัดส่ง B2B และ B2C เพราะการซื้อขายนั้นได้รับแรงกดดันจากราคาที่สูงขึ้น ปริมาณที่มากขึ้น และความเสี่ยงต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
การปรับปรุงการมองเห็นและการติดตามในห่วงโซ่อุปทานนั้นเป็นสิ่งสำคัญทั้งสำหรับการจัดส่ง B2B และ B2C เพราะการซื้อขายนั้นได้รับแรงกดดันจากราคาที่สูงขึ้น ปริมาณที่มากขึ้น และความเสี่ยงต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
09 พฤศจิกายน 2020 •

ด้วยการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล การมองเห็นและติดตามการจัดส่งนั้นกลายเป็นเรื่องที่โปร่งใสและคุ้มค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ 

การปรับปรุงการมองเห็นและติดตามนั้นยังกลายเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นในการค้าขายทั่วโลกและอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ใน Logistics Trend Radar ฉบับที่ห้าซึ่งเป็นฉบับล่าสุดของ DHL ระบุว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมที่สำคัญอย่างน้อย 11 จาก 29 นั้นได้รับผลกระทบโดยตรงจากการมองเห็นและติดตาม หรือต้องพึ่งพาอาศัยโครงสร้างพื้นฐานระบบติดตามที่ไว้วางใจได้เป็นปัจจัยหลักในการพัฒนา แนวโน้มเหล่านี้บางส่วนรวมถึงโลจิสติกส์แบบผสมผสานช่องทาง (Omnichannel) ตู้คอนเทนเนอร์อัจฉริยะ และความปลอดภัยยุคใหม่ 

ระบบ Track & Trace นั้นเป็นสิ่งที่จะอยู่กับเราต่อไปในฐานะองค์ประกอบเพิ่มมูลค่าของทุก ๆ ห่วงโซ่อุปทาน โดยอาศัยเหตุผลสามประการ คือ 

 

  1. การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลคืออนาคตของโลจิสติกส์

เมื่อเส้นทางโลกาภิวัฒน์นั้นไม่อาจย้อนกลับและอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปริมาณการซื้อขายที่เฟื่องฟูขึ้นจึงกำลังกดทับลงมาบนโครงสร้างพื้นฐานของห่วงโซ่อุปทานที่มีอยู่เดิมอย่างหนัก อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้มองที่การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลเพื่อหาชุดทางออกของปัญหาที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความไว้วางใจได้ ลดต้นทุน และสร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืนขึ้นได้ 

จากความตระหนักว่าการเติบโตของการค้านั้นต้องอาศัยเครื่อข่ายโลจิสติกส์ทั่วโลกที่ราบรื่น ทาง Deutsche Post DHL Group จึงเริ่มใช้งานกลยุทธ์ 2025 ที่จะส่งมอบความเป็นเลิศในโลกดิจิทัลเพื่อสร้างขีดจำกัดและขีดความสามารถที่จำเป็นต่อการสนับสนุนทิศทางการเดินทางนี้ ระบบ Track & Trace ที่ใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต (IoT) ช่วยเก็บข้อมูล จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการวางรากฐานนี้ 

“IoT ช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อโลกจริงและดิจิทัลเข้าด้วยกันได้ด้วยการติดเซ็นเซอร์เพื่อติดตามคุณสมบัติทุก ๆ อย่างของพัสดุที่จัดส่ง ทั้งตำแหน่ง อุณหภูมิ ความชื้น แรงสะเทือน และอัปโหลดข้อมูลเหล่านั้นขึ้นสู่คลาวด์” คุณเอเรน ซังเจมเรนลา ผู้จัดการอาวุโส ส่วนงานนวัตกรรมของ DHL Asia Pacific Innovation Center อธิบาย “ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ กรณีการใช้งานที่เกิดขึ้นแบ่งได้เป็นสามด้านด้วยกันคือ การดำเนินงานอัจฉริยะ การขนส่ง และการส่งมอบขั้นสุดท้าย” 

เทคโนโลยีการติดตามที่ใช้ IoT สามารถสร้างผลกระทบทางธุรกิจในเชิงบวกได้ด้วยการรวมการดำเนินงานอัจฉริยะ การปรับปรุงการมองเห็นและติดตาม รวมทั้งการควบคุมระหว่างการขนส่ง รวมทั้งการสร้างการส่งมอบขั้นสุดท้ายที่แข็งแกร่งและคุ้มค่าเข้าด้วยกันได้ 

การนำข้อมูลปริมาณมหาศาลอย่างไม่เคยมีมาก่อนที่เก็บรวบรวมมาจากทั้งห่วงโซ่อุปทานนั้นได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมในภาพรวมไปจากเดิม การวิเคราะห์ข้อมูลมหัตหรือข้อมูลบิ๊กดาต้าช่วยเราในการเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางขนส่ง เร่งความเร็วของขีดความสามารถการประมวลผล และส่งเสริมการคาดการณ์ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยง 

ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอกเกือบทุกรายที่เข้าร่วมการสำรวจในการศึกษาอย่างครอบคลุมระบุว่า การตัดสินใจโดยข้อมูลนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของกิจกรรมและกระบวนการห่วงโซ่อุปทานในอนาคต 

 

  1. การมองเห็นและติดตามที่ดีขึ้นทำให้ห่วงโซอุปทานยั่งยืนและฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น

ระหว่างที่เศรษฐกิจทั่วโลกต่อสู้กับโควิด-19 ความไม่เสถียรทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังปกคลุมอยู่ทั่วไป หลายฝ่ายต่างหาทางที่จะเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายการกระจายสินค้าของตน การมองเห็นและติดตามการจัดส่ง รวมทั้งระดับสินทรัพย์ที่ชัดเจนสามารถช่วยบริษัทในการก้าวผ่านความไม่แน่นอนและรักษาการควบคุมจากการชะงักงันครั้งสำคัญได้ด้วยการค้นหา ลำดับความสำคัญ ตลอดจนจัดการกับความเสี่ยง และความไม่มีประสิทธิภาพแต่เนิ่น ๆ เพื่อช่วยในการตอบสนองในสถานการณ์วิกฤติ 

“ตอนนี้คือเวลาที่เราต้องปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานในเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยเราลดผลกระทบจากการชะงักงันในอนาคต” คุณเมแกน เดอร์โฟว์ กรรมการผู้จัดการและพาร์ทเนอร์ของ Boston Consulting Group กล่าว “มูลค่าของความสามารถในการฟื้นตัวที่เพิ่มขึ้นนี้สูงกว่าประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บริษัทอาจได้รับเมื่อพยายามลดต้นทุนโดยการพยายามหาเงินเพิ่มจากโซ่อุปทานทั่วโลก” 

ในปัจจุบัน มีความกังวลเรื่องการขายผลิตภัณฑ์ยาปลอมกันมากเป็นพิเศษ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกว่า 90 ประเทศสามารถจับกุมและยึดเวชภัณฑ์การแพทย์ที่สำคัญซึ่งเป็นสินค้าปลอมได้มูลค่ากว่า 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (12.79 ล้านยูโร) ในการจับกุมครั้งสำคัญช่วงการระบาดของโควิด-19 เพียงอย่างเดียว ยิ่งไปกว่านั้น มีการพบว่ายากว่า 30% ที่จำหน่ายในตลาดเกิดใหม่นั้นเป็นยาปลอม ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนกว่าหนึ่งล้านคนในแต่ละปี 

การปรับปรุงการมองเห็นและติดตามการจัดส่งนั้นสามารถเพิ่มอำนาจให้กับบริษัทในการจัดเก็บและแบ่งปันข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้องและจัดหาผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืนเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ รวมทั้งปกป้องความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภคได้ ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีระบบ Track & Trace ยังเป็นปัจจัยสำคัญของความปลอดภัยและการป้องกันการโจรกรรมซึ่งเป็นประเด็นความกังวลที่เกิดขึ้นมากเป็นพิเศษของการจัดส่งวัคซีนโควิด-19 ของแท้ที่จะต้องเกิดขึ้นในเร็ววัน 

รับชม: การใช้งาน IoT ในบางภาคส่วนที่สำคัญ เช่น ผู้บริโภค ชีววิทยาศาสตร์ และการผลิต ที่ได้มีการพูดคุยกันไปในการสัมมนาผ่านเว็บที่จัดโดย DHL Asia Pacific Innovation Center 

นวัตกรรมต่อเนื่องในด้าน IoT ยังช่วยคนในแวดวงอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ติดตามการจัดส่งให้ราบรื่นและลดความสูญเปล่าในส่วนที่เป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น ความกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ติดตาม GPS และความวุ่นวายที่เกี่ยวข้องในการเก็บอุปกรณ์กลับคืนหลังการส่งมอบเสร็จสิ้นนั้นผลักดันผู้ให้บริการต้องลงมือดำเนินการกับเรื่องนี้ 

“เพื่อจะเพิ่มประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายและเพื่อความสอดคล้องกับกลยุทธ์ GoGreen ของ DHL เรายังได้เริ่มหาทางสร้างอุปกรณ์ติดตามใช้งานซ้ำที่มีขนาดเล็กและสามารถรับกลับคืนได้สะดวกทางไปรษณีย์” คุณคริสโตเฟอร์ ฟัสส์ หัวหน้าฝ่าย DHL SmartSensor IoT ของ DHL Customer Solutions & Innovations (CSI) กล่าว 

จากข้อมูลของคุณฟัสส์ ในอนาคตอุปกรณ์นี้และอุปกรณ์อื่นที่คล้ายคลึงกันจะยังสามารถทำงานด้วยการเก็บเกี่ยวพลังงาน หรือก็คือการใช้การแผ่รังสีในสภาพแวดล้อมจากอุปกรณ์หรือสายไฟใกล้เคียงมาเป็นพลังงานได้อีกด้วย 

การตัดสินใจเปลี่ยนผ่านดิจิทัล: เมื่อใดที่ควรนำ IOT ไปใช้ในห่วงโซ่อุปทานของคุณ

“ในขั้นเริ่มต้น เมื่อบริษัทตัดสินใจที่จะใช้ IoT นั้นมักไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งเดียว แต่มักเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการมุ่งหน้าสู่การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลในภาพรวมที่จะเพิ่มอำนาจการตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้น” คุณซังเจมเรนลา กล่าว 

ขั้นตอนแรกคือ การบ่งชี้ปัญหาที่คุณต้องการแก้ไข สมมติฐานที่ต้องทดสอบ และประเภทของข้อมูลที่ต้องใช้ แนวทางการวิเคราะห์ปัญหาให้รอบด้านแบบนี้จะช่วยเราประเมินหาประเภทของข้อมูลที่จำเป็นในการจัดการกับจุดติดขัดเหล่านั้น 

“ข้อมูลบางอย่างที่คุณต้องการนั้นอาจเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่หากไม่มี นั่นจะเป็นจุดที่คุณค่าของ IoT จะเข้ามาอุดช่องว่างระหว่างสิ่งที่คุณมีในวันนี้และสิ่งที่คุณจะสามารถบันทึกได้” คุณซังเจมเรนลา สรุป 

  1. มอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการ

ท้ายที่สุดแล้วประโยชน์หลักของระบบ Track and Trace ทั้งสำหรับคนในแวดวงตลาด B2B และ B2C นั้นรวมถึงการลดทอนความเสี่ยง การควบคุมการดำเนินงาน การปรับปรุงการมีส่วนร่วมและความพึงพอใจของลูกค้า และการขยายกระแสรายได้ 

“ที่ DHL เราต้องการเสนอทางเลือกแก่ลูกค้าในการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งของตนผ่านแพลตฟอร์มเฉพาะอย่างราบรื่น” คุณฟัสส์ กล่าวในเรื่องการจัดลำดับความต้องการของลูกค้าในการพัฒนาระบบติดตามทั่วโลก 

ตัวอย่างเช่น DHL Global Forwarding จะมีระบบ myDHLi ซึ่งช่วยให้ผู้จัดส่งสามารถจองเวลาการจัดส่ง รับใบเสนอราคา และรับข้อมูลสถานะการจัดส่ง 

“ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เหล่านี้จะไหลเข้าสู่แพลตฟอร์มการติดตามด้วยเช่นกันระหว่างที่เริ่มใช้งานโซลูชั่นเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นและติดตามทรัพย์สินและการจัดส่งของตนได้ง่าย” คุณฟัสส์ กล่าวเสริม 

ในการส่งมอบขั้นสุดท้าย การส่งมอบที่ผิดพลาดสามารถสร้างความเสียหายได้ถึงหลักพันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในแต่ละปี ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเลิกซื้อสินค้าจากร้านค้าหลังจากได้รับการจัดส่งที่ไม่ถูกต้องหรือล่าช้า แม้จะเพียงครั้งเดียวก็ตาม เพื่อแก้ไขปัญหานี้ DHL Express เพิ่มอำนาจให้กับผู้จัดส่งด้วยบริการการจัดส่งตามความต้องการ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าปลายทางมีตัวเลือกว่าจะรับการส่งมอบอย่างไร ด้วยอีเมลหรือการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ในเชิงรุกเรื่องความคืบหน้าการจัดส่ง 

สิ่งที่คุณฟัสส์สรุป: “เราทำทุกอย่างนี้ไม่เพียงเพื่อการมองเห็นและการติดตาม แต่เพื่อการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นและข้อมูลเชิงลึกที่สามารถใช้ดำเนินการได้ ซึ่งการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานมีราคาพอสมควรและยังต้องมีความจำเป็นทางธุรกิจที่สำคัญเพื่อจะลงมือดำเนินการ” 

คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน

ข้อมูลเชิงลึก
ส่องแนวโน้มสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของโลจิสติกส์
นวัตกรรม
การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI: สิ่งที่ยิ่งใหญ่ถัดไปในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
ข้อมูลเชิงลึก
ศูนย์ข้อมูลเอดจ์คือคำตอบที่จะไขทุกปัญหาของการรองรับระบบคลาวด์ขนาดยักษ์งั้นหรือไม่
ข้อมูลเชิงลึก
การปฏิวัติดิจิทัลของตัวแทนจัดส่งสินค้า: คำถามไม่ใช่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เป็นเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ข้อมูลเชิงลึก
ห่วงโซ่อุปทานการจัดหาวัสดุทดแทน ในการวิจัยทางคลินิกที่ฟื้นตัวได้เร็ว กำลังขับเคลื่อนการเติบโตด้านเภสัชกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก


Get the latest case studies and industry news at your fingertips.

VIEW A SAMPLE

Please accept the terms & privacy notice

Get the latest case studies and industry news at your fingertips.

VIEW A SAMPLE

Please accept the terms & privacy notice