คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน

ภาคการขนส่งทางอากาศเตรียมพร้อมรับฤดูร้อนนอกฤดูกาล

การเติบโตอย่างไม่ตรงตามฤดูกาลสำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศออกจากพื้นที่เอเชียนั้นไม่มีท่าทีว่าจะช้าลง
การเติบโตอย่างไม่ตรงตามฤดูกาลสำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศออกจากพื้นที่เอเชียนั้นไม่มีท่าทีว่าจะช้าลง
07 มิถุนายน 2024 •

ตามคำพูดที่ไม่ตรงนักของมาร์ก ทเวน รายงานถึงความล่มสลายของการขนส่งทางอากาศในฤดูร้อนนี้ช่างเกินความจริงไปอย่างมาก

แน่นอนว่าสัญญาณของการชะลอตัวในไตรมาสสองนั้นมองเห็นได้ยาก เท่าที่ผ่านมาตัวชี้บอกทั้งหมดล้วนชี้ให้เห็นว่าอุปสงค์ในการส่งออกจากเอเชียนั้นมีกระแสที่ดีมาก

“ขอบคุณการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังบูมจากประเทศจีนที่ทำให้การค้าในเอเชียแปซิฟิกกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว อุปสงค์ด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศทั่วโลกอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับพฤษภาคมปีที่แล้ว” นิกกี้ แฟรงก์ ประธานบริหารของ DHL Global Forwarding Asia Pacific กล่าว

และด้วยความติดขัดในการขนส่งทางเรือที่เพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง ทำให้มีแนวโน้มสูงว่าการเติบโตของการขนส่งสินค้าทางอากาศจะยังคงดำเนินต่อไปตลอดช่วงฤดูร้อน

“และในขณะที่ผู้ค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ชาวจีนกำลังมองหาทางขยายตัวเข้าสู่ตลาด U.S. เราคาดว่าอุปสงค์ของการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เพิ่มขึ้นจะดำเนินต่อไปจนกว่าฤดูกาลที่ใช้บริการกันเยอะ ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคม” แฟรงก์กล่าว

ตัวเลขของการก้าวกระโดด

ตัวชี้บอกบางส่วนที่ระบุถึงโมเมนตัมอย่างต่อเนื่องด้านการส่งออกจากเอเชียผ่านการขนส่งทางอากาศทั้งๆ ที่ควรจะเป็นฤดูกาลที่มีการชะลอตัว จากการผลักดันของผู้เชี่ยวชาญ สนามบินนานาชาติฮ่องกง (NKIA) ได้พบกับการเติบโตของปริมาณสินค้าในระดับสองหน่วยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เฉพาะการส่งออกในเดือนเมษายนได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

WorldACD รายงานว่าในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ระวางน้ำหนักได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ทั่วโลก ซึ่งนำโดยอุปสงค์ที่แข็งแกรงในเอเชีย แปซิฟิกที่สูงขึ้นร้อยละ 15 และในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ (MESA) ที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 16

เรือขนส่งสินค้าที่เป็นสมาชิกของสมาคมสายการบินภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (AAPA) ได้บันทึกการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ถึงร้อยละ 13.7 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนในปี่ที่แล้ว ในขณะที่ข้อเสนอด้านความจุในการขนส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 ในเดือนดังกล่าว และอัตรายังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

WorldACD ได้คำนวณว่าอัตราเฉลี่ยจาก MESA ได้พุ่งทะยานสูงขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม (เพิ่มขึ้นร้อยละ 45) สำหรับที่หมายปลายทางในยุโรป อัตราเฉลี่ยจากภูมิภาค MESA ได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 119 ปีต่อปี

Subhas Menon ผู้อำนวยการ AAPA กล่าวว่า สายการบินเอเชียแปซิฟิกมีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเติบโตของอุปสงค์ในการรองรับกิจกรรมการส่งออกจากฮับการผลิตต่างๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศจีน

นอกจากนั้น ดัชนี TAC ได้พบว่าราคาการขนส่งทางอากาศขาออกจากเซี่ยงไฮ้ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.5 ในช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

แนวโน้มในอนาคต

มีแนวโน้มสูงมากที่ความเฟื่องฟูในการส่งออกจากเอเชียจะมีอีกหลายระลอก ในรายงาน Air Freight State Of The Industry ของ DHL ระบุว่า อุปสงค์ด้านบริการขนส่งทางทะเลและอากาศมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลของความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในทะเลแดงเมื่อไม่นานมานี้ ความเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่องของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มที่จะส่งเสริมตลาดการขนส่งทางอากาศตลอดฤดูร้อน

หลังจากการชะลอตัวเล็กน้อยในเพื่อพฤษภาคม บริษัทวิเคราะห์ Nomura ได้ปรับปรุงดัชนีการส่งออกของเอเชีย หรือที่รู้จักกันในนาม NELI ได้ขยับขึ้นเป็น 100 ในเดือนมิถุนายน ดัชนี NELI นั้นย้ำให้เห็นว่าการการส่งออกจากเอเชียจะเติบโตในระดับสองหลักเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 2

Nomura ได้อ้างถึงรอบของสินค้าเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจในยุโรป และมุมมองในแง่บวกว่าจีนจะเป็นผู้กระตุ้นการเจริญเติบโตของการส่งออกในเอเชีย

ยิ่งไปกว่านั้น อุปสงค์ด้านการขนส่งทางอากาศอาจได้แรงสนับสนุนจากความขัดข้องของบริการขนส่งทางเรือในช่วงฤดูร้อน S&P Global ได้ระบุว่าความขัดข้องรอบใหม่ด้านการปฏิบัติงานในท่าเรือเอเชียจะยิ่งเพิ่มอัตราการขนส่งในขณะที่ผ่านพฤษภาคมไปถึงมิถุนายน

โดยการอ้างอิง U.S. National Oceanic and Atmospheric Administration บริษัทวิเคราะห์การเงินได้ระบุเพิ่มอีกว่า ฤดูพายุเฮอริเคนนี้คาดว่าจะมีความรุนแรงกว่าปกติตลอดช่วงระยะเวลาที่มีการขนส่งสูงที่สุด

ความเข้มงวนของศุลกากร U.S.

ท่ามกลางค่าธรรมเนียมการนำเข้าของ U.S. ตลาดทรานส์แปซิฟิกต้องพบกับอุปสรรคสำคัญต่อปริมาณการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม เมื่อศุลกากร U.S. และหน่วยงานป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (CBP) ได้เริ่มตรวจสอบเรือบรรทุกสินค้าทั้งหมดที่ออกมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ตามรายงานของ Loadstar

และตามที่รายงานไปข้างต้นในคอลัมน์นี้ การส่งออกของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จากจีนไปสหรัฐฯ คือกุญแจขับเคลื่อนการขนส่งทางอากาศในปีนี้ แถลงการณ์จาก CBP ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมได้ยืนยันว่าหน่วยงานกำลังดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และลดการฉวยประโยชน์จากพัสดุชิ้นเล็ก มูลค่าขั้นต่ำที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า

“อุตสาหกรรมเรือบรรทุกสินค้านั้นคุ้นเคยดีกับความขัดข้องของ ห่วงโซ่อุปทานในปี 2024 แต่เรือขนส่งสินค้าทั้งหลายได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถปรับตัวได้เร็วตามสถานการณ์ของตลาดที่ผันผวน” แฟรงก์กล่าว “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือขนส่งสินค้าในเอเชียแปซิฟิที่คาดว่าจะเพิ่มความจุของเรือเพื่อเตรียมรับมือกับจราจรในช่วงฤดูร้อนของปี 2024 ซึ่งน่าจะช่วยลดแรงกดดันกับความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน

การผลิต SAF จะเพิ่มขึ้นสามเท่า

ในขณะที่การฟื้นฟูทางเศรษกิจกำลังโบยบิน อุปสงค์ในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นและความเฟื่องฟูของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้เพิ่มการปล่อยมลภาวะของการบิน

ผ่านองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) รัฐบาลมีเป้าหมายในการลดการปล่อย CO2 ลงร้อยละ 5 ในการบินระหว่างประเทศผ่านเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ภายในปี 2030 แต่สมาคมขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ได้กล่าวว่าเป้าหมายนี้อาจจะทำไม่ได้ในระดับโลก อีกทั้งยังต้องใช้เชื้อเพลิงแบบยั่งยืนถึงร้อยละ 27 ของอัตราความจุ แทนที่จะเป็นร้อยละ 3 ในปัจจุบัน

ตามการพยากรณ์ล่าสุดของ IATA การผลิต SAF นั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกสามเท่าถึง 1.9 พันล้านลิตร (1.5 ล้านตัน) ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม IATA ยอมรับว่านี่จะทดแทนเชื้อเพลิงอากาศยานได้เพียงร้อยละ 0.53 ของความต้องการเชื้อเพลังในปี 2024

ได้มีการประกาศโครงการเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนถึง 140 โครงการที่สามารถผลิต SAF ได้ ซึ่งจะเริ่มการผลิตภายในปี 2030 หากการผลิตได้เริ่มขึ้นตามที่ประกาศ ปริมาณการผลิตเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนอาจเพิ่มขึ้นถึง 51 ล้านตันภายในปี 2030 โดยที่ความสามารถในการผลิตจะกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค

วัตถุดิบที่หลากหลายมากขึ้นจะช่วยลดการพึ่งพากรดไขมันเติมไฮโดรเจน ซึ่งเป็นแหล่งของ SAF ราวๆ ร้อยละ 80 ในปัจจุบัน และการเพิ่มแรงจูงใจจากรัฐบาลเป็นอีกส่วนหนึ่งของปัจจัยกระตุ้นการผลิตที่ระบุโดย IATA

เพื่อเร่งการปรับใช้ SAF โดยการจดบันทึกการใช้งานและการรายงานการปล่อยคาร์บอน IATA มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวการลงทะเบียน SAF ภายในไตรมาสแรกของปี 2025

ทั้งนี้มีการประกาศด้านการลงทะเบียนในช่วงต้นของการประชุมสามวันประจำปีในดูไบ ซึ่ง IATA ได้อธิบายว่าการลงทะเบียนจะเป็นการทำให้แน่ใจว่าคุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อมของ SAF จะถูกบันทึกอย่างเหมาะสม และมีการถ่ายโอนระหว่างกลุ่มต่างๆ นี่จะทำให้สายการบินและลูกค้าของพวกเขาสามารถรายงานการปล่อยคาร์บอนได้อย่างแม่นยำตามข้อกำหนดของการรายงานและมาตรฐานระดับนานาชาติ

“SAF จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนประมาณร้อยละ 65 ซึ่งจำเป็นต่อสายการบินในการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050” วิลลี วอลช์ (Willie Walsh) อธิบดีของ IATA กล่าว “ดังนั้นการผลิต SAF ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสามเท่าในปี 2024 จากปี 2023 นั้นจึงเป็นแนวโน้มที่น่าพอใจ หนทางของเรายังอีกไกล และทิศทางในการเพิ่มการผลิตในปริมาณสูงได้เริ่มเข้ามาเป็นประเด็นสำคัญแล้ว”