ศูนย์ข้อมูลแบบเอดจ์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนี่ก็คือเหตุผล
แม้ว่าศูนย์ข้อมูลเอดจ์นั้นจะยังคงเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ความต้องการก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงขึ้นในอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้ด้วยเหตุผลหลายประการ
ประการหนึ่งคือ ภูมิภาคนี้พร้อมแล้วที่จะเริ่มใช้เครือข่าย 5G โดยรายงาน Ericsson Mobility Report คาดว่า 5G จะเป็นเครือข่ายมือถือที่ครอบคลุมและมีอิทธิพลมากที่สุดในภูมิภาคนี้ภายในปี 2028 ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปสู่การผลักดันปริมาณการใช้งานข้อมูลต่อเดือนของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องให้เพิ่มขึ้นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ต่อปีหรือประมาณ 54 GB ในปี 2028
นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลเอดจ์จะเป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่จะสนับสนุนแผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งหลายประเทศ เช่น ลาว เวียดนาม และมาเลเซียได้ประกาศออกมา
ขณะนี้โครงสร้างพื้นฐานสำหรับเมืองอัจฉริยะนั้นอยู่ระหว่างการนำร่องในเวียดนาม โดยมีนครโฮจิมินห์ ฮานอย ดานัง และเกิ่นเทอ ทั้งในตัวเมืองและบริการภาครัฐกำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปดิจิทัลอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อีกหนึ่งเหตุผลนั้นก็คือ เรื่องของค่าใช้จ่าย ศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กนั้นต้องการเงินทุนที่น้อยกว่าและเปิดโอกาสให้บุคคล หน่วยงาน หรือองค์กรรายย่อยสามารถเร่งเพิ่มกำลังอุปทานขึ้นได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองกำลังของอุปสงค์ที่พุ่งสูงขึ้น นี่เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้งานอย่างรวดเร็วในด้านต่าง ๆ เช่น ในภาคการเกษตร ซึ่งยังคงเป็นภาคเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตัวอย่างเช่นในออสเตรเลีย บริษัทศูนย์ข้อมูล Connected Farms กำลังสร้างศูนย์ข้อมูลเอดจ์เพื่อให้บริการในรัฐควีนส์แลนด์เพื่อมอบการจัดการข้อมูลที่ดียิ่งขึ้นสำหรับเกษตรกร ค่าใช้จ่าย: 541,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (368,231.52 ยูโร)
ในทางกลับกัน ศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกลนั้นต้องการเงินทุนปริมาณมหาศาล ซึ่งศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกลขนาด 150 เมกะวัตต์ของ Meta ในสิงคโปร์นั้นใช้เงินทุนในการก่อสร้างสูงถึงเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สร้างความได้เปรียบให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความเร็วในการลงทุนกับการประมวลผลแบบเอดจ์นี้กำลังเพิ่มสูงขึ้น โดยผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลกำลังหมายตาโอกาสในมาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย
เมื่อเดือนตุลาคม 2021 ทาง PT Ekagrata Data Gemilang ได้เปิดศูนย์ข้อมูลเอดจ์ขึ้นในจาการ์ตาเพื่อสนับสนุนการใช้งาน 5G
เช่นเดียวกับ Edge Center ก็ได้สร้างศูนย์ข้อมูลเอดจ์ขึ้นในกัวลาลัมเปอร์ และกำลังพัฒนาอีกสองศูนย์ที่ยะโฮร์ และปีนัง บริษัทสัญชาติออสเตรเลียแห่งนี้ยังได้พัฒนาศูนย์ข้อมูลเอดจ์ในนครโฮจิมินห์และกำลังสร้างอีกหนึ่งศูนย์ขึ้นที่ฮานอยตามโครงการปฏิรูปดิจิทัลแห่งชาติของเวียดนาม ศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กมีเป้าหมายที่จะตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากตลาดในส่วนที่ยังขาดการดูแล
แต่นอกจากนั้นแล้ว การลงทุนเหล่านี้ยังแปรไปเป็นผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมในภูมิภาคอีกด้วย บริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีนอย่าง Alibaba มีเป้าหมายที่จะลงทุนพัฒนาศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคเป็นมูลค่ารวมถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาสามปี นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะอบรมทักษะดิจิทัลให้กับคนอีก 1 ล้านคนเพื่อการสนับสนุนสตาร์ทอัพ 100,000 ราย
ขณะที่คู่แข่งอย่าง Huawei นั้นก็มีแผนการใหญ่ที่จะฝึกอบรมวิศวกรและบุคลากรอาชีพด้านเทคโนโลยี 100,000 คน พร้อมกับสนับสนุนสตาร์ทอัพถึง 500 รายเฉพาะในอินโดนีเซียเพียงอย่างเดียว
เมื่อเอดจ์เริ่มขยับจากขอบมาสู่ใจกลางกระแสความเป็นไปมากขึ้น เราก็คาดหวังได้ว่าศูนย์ข้อมูลเอดจ์จะเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากยิ่งขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อพูดถึงความพยายามที่มีเวลาแฝงน้อยแล้ว ขนาดที่เล็กกว่านั้นคือความงดงาม
คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน