Your default browser language is set to . Browse this site in another language: Continue color Created with Sketch.

Reports and Whitepaper

Read logistics-related industry reports, & sector-specific important-export guides here.

View all resources
  • Get a sales representative to contact me
  • I agree to the  Terms and Privacy Notice
คุ้มค่าที่จะอ่านเช่นกัน

ความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน 5 อันดับสูงสุดในปี 2024

ความท้าทายด้านซัพพลายเชนในปีนี้จะเป็นอย่างไร? พันธมิตรของเราที่ Everstream Analytics มีคําตอบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ความท้าทายด้านซัพพลายเชนในปีนี้จะเป็นอย่างไร? พันธมิตรของเราที่ Everstream Analytics มีคําตอบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
Futuristic road transportation technology with digital data transfer graphic showing concept of traffic big data analytic and internet of things.
29 มีนาคม 2024 •

เราอาจจะเป็นบริษัทโลจิสติกส์ระดับแนวหน้าของโลก แต่สำหรับการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานแบบขั้นสูง เราจะใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญต่างๆ พันธมิตรของเราที่ Everstream Analytics ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน โดยเน้นที่การวิเคราะห์ความเสี่ยงและความรู้เชิงลึกเชิงคาดการณ์โดยเฉพาะ ซึ่งช่วยเราในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ดีขึ้น

“ความล้มเหลวในเชิงปฏิบัติบางส่วนที่ร้ายแรงที่สุดนั้นมักจะเกิดจากเหตุการณ์ก่อกวน ซึ่งเกิดขึ้นลึกลงไปภายในห่วงโซ่คุณค่า” จูลี เกอร์ดแมน (Julie Gerdeman) ประธานบริหารของ Everstream Analytics กล่าว

Everstream ได้ระบุความเสี่ยงที่น่าจะเกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทาน 5 อันดับสูงสุดในปี 2024 โดยอ้างอิงจากข้อมูลความเสี่ยงในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยใช้ประโยชน์จากทั้งสติปัญญาประดิษฐ์และสติปัญญาของคน ต่อไปนี้เราจะสรุปความเสี่ยงแต่ละข้อ ท่านจะพบลิงก์ไปยังรายงานฉบับเต็ม ซึ่งจะมีกลยุทธ์ที่แนะนำในส่วนท้าย

ความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน 5 อันดับสูงสุดในปี 2024

ความเสี่ยงที่ 5: ความขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์

มีความเป็นไปได้สูงว่าเราจะพบกับปัญหาห่วงโซ่อุปทานด้านสินค้าโภคภัณฑ์ในปี 2024 ซัพพลายเออร์จะต้องเผชิญกับความขาดแคลนสินค้าการเกษตรสำคัญต่างๆ การประเมินนี้อ้างอิงจากปัจจัยหลายประการที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงราคาปัจจัยการผลิต ความกังวลด้านการทำกำไรของฟาร์ม ลัทธิคุ้มครองการค้าที่เพิ่มขึ้น และภัยธรรมชาติรุนแรงต่างๆ

ในปี 2023 ความขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์การเกษตร เช่นน้ำตาลดิบ ยางพาราดิบ ข้าว และถั่วเหลือง มีผลกระทบสูงสุดต่อการผลิต รัฐบาลต่างๆ จึงได้ดำเนินการรับมือกับปัญหานี้ด้วยการห้ามและควบคุมการส่งออกผลิตภัณฑ์การเกษตรที่สำคัญเกือบ 35 รายการ เพื่อรักษาความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ และส่งผลให้ซัพพลายเออร์ข้าวและน้ำตาลรายใหญ่เช่นอินเดีย ไทย และปากีสถาน ซึ่งเป็นร้อยละ 28 ของผู้จำหน่ายน้ำตาลในโลก ได้กำหนดขีดจำกัดการส่งออก ซึ่งทำเกิดผลกระทบกับตลาดโลก

เป็นไปได้สูงว่าจะมีการเสนอมาตรการใหม่หรือขยายมาตรการของลัทธิคุ้มครองการค้าในด้านการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ในปี 2024 ซึ่งจะทำให้ปัญหาและการก่อกวนในห่วงโซ่อุปทานที่รุนแรงขึ้น โดยมีสัญญาณเตือนอย่างจำกัด

Production halts in 2023 caused by raw material shortages (Source: Everstream Analytics, 2024 Annual Risk Report)
การหยุดชะงักของการผลิตในปี 2023 นั้นเกิดจากความขาดแคลนวัตถุดิบ (แหล่งที่มา: Everstream Analytics, รายงานความเสี่ยงปี 2024)

ความเสี่ยงที่ 4: ความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์

UN ได้ระบุว่าปี 2023 เป็นปีที่เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และผู้คน 110 ล้านคนจากทั่วโลกได้ถูกบังคับให้กลายเป็นคนพลัดถิ่น ซึ่งเป็นผลมาจากการกดขี่ข่มเหง ความขัดแย้ง ความรุนแรง การละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือเหตุการณ์ที่ก่อกวนความสงบของประชาชนการร้ายแรง หน่วยงานผู้ลี้ภัย UN กล่าว

ความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้นเป็นภัยคุกคามต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างใหญ่หลวง ผู้เชี่ยวชาญของ Everstream เชื่อว่าความตึงเครียดและความเสียดทานเชิงกฎระเบียบระหว่างจีนและไต้หวันได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความท้าทายด้านห่วงโซ่อุปทานที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้น เราเล็งเห็นถึงอุปสรรคที่จะเพิ่มพูนขึ้นสำหรับการส่งออกในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นเซมิคอนดักเตอร์ การเกษตร การบินและอวกาศ และเทคโนโลยีสารสนเทศ การเพิ่มระดับอาจทำให้เกิดปัญหากับอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ พลาสติก ยางพารา สารเคมี และอุตสาหกรรมแร่โลหะอาจได้รับผลกระทบจากการยกระดับความเข้มงวดเช่นกัน เหตุก่อกวนในช่องแคบไต้หวันจะมีผลกระทบกับเรือขนส่งสินค้ากว่าครึ่งโลกที่ต้องเดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าว

“เราจะเห็นความผันผวนต่อไป” โทไบอัส เมย์เยอร์ (Tobias Meyer) ประธานบริหารของ DHL Group ในการสัมภาษณ์ของ CNBC ที่ดาวอส 2024

ความเสี่ยงที่ 3: ลัทธิคุ้มครองการค้า

แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้แสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่า ลัทธิคุ้มครองการค้านั้นไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ Everstream คาดว่าการยกระดับของข้อพิพาทต่างๆ จะมีผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ความขัดแย้งเหล่านี้ได้ส่งผลให้มีการควบคุมการส่งออกและการคว่ำบาตรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับห่วงโซ่อุปทาน และทำให้บริษัทหลายรายมองหาทางเลือกสำหรับ ซัพพลายเออร์เทคโนโลยี เพื่อหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนต่างๆ

ตัวอย่างเช่น U.S. ได้วางมาตรการควบคุมการส่งออกสำหรับวัสดุนิวเคลียร์พิเศษและอุปกรณ์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่จีนได้วางมาตรการควบคุมโดรน แกลเลียม เจอร์เมเนียม และแกรไฟต์ Apple คือหนึ่งในหลายบริษัทที่พยายามลดความท้าทายด้านห่วงโซ่อุปทานโดยการการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเช่นอินเดีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เราน่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไปสู่กลยุทธ์ “บวกหนึ่ง” และการเพิ่มความหลากหลายดำเนินต่อไป

Apple’s supply base locations 2016-2022 (Source: Everstream Analytics, 2024 Annual Risk Report)
ตำแหน่งฐานทรัพยาการของ Apple ปี 2016-2022 (แหล่งที่มา: Everstream Analytics, รายงานความเสี่ยงปี 2024)

ความเสี่ยงที่ 2: กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

ในสี่ทศวรรษที่ผ่านมา โลกได้เห็นกฎหมายสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นประมาณ 38 เท่า และยังจะมีเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากหลายประเทศกำลังพยายามก้าวไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์และการปกป้องทรัพยากร มีโอกาสสูงมากที่กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เติบโตขึ้นจะมีผลกระทบกับธุรกิจต่างๆ แม้แต่บริษัทที่มีนโยบายสิ่งแวดล้อม สังคม และการปกครอง (ESG) ที่เป็นที่ยอมรับก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน จุดสำคัญอยู่ที่ U.S. ซึ่งการผลิตเกือบครึ่งหยุดชะงักลงและมีการฟ้องร้องในปี 2023 เนื่องจากการละเมิดสิ่งแวดล้อม

Everstream ได้ระบุให้เห็นถึงกฎหมายด้านการตัดไม้ทำลายป่า บรรจุภัณฑ์ และสารเคมีที่จะเกิดขึ้น ผู้จัดการห่วงโซ่อุปทานอาจจะต้องรับมือกับปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานที่เพิ่มขึ้นอีกหลายประการ เช่นภาระในการบริหาร ต้นทุนในการปฏิบัติงาน ราคาสินค้าที่สูงขึ้น และความปั่นป่วนอื่นๆ ที่ทำให้พวกเขาต้องปรับแนวทางการผลิตเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ

New net-zero policies by type (Source: Everstream Analytics, 2024 Annual Risk Report)
แหล่งที่มา: Everstream Analytics, รายงานความเสี่ยงประจำปี 2024

ความเสี่ยงที่ 1: สภาพอากาศรุนแรง

Everstream ให้คะแนนความเสี่ยงร้อยละ 100 สำหรับสภาพอากาศสุดขั้ว นี่แสดงถึงความมั่นใจของเราว่าสภาพอากาศจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ด้านห่วงโซ่อุปทาน สัญญาณที่เด่นชัด: ภัยพิบัติทางสภาพอากาศมูลค่าระดับพันล้านดอลลาร์ใน U.S. ได้เพิ่มขึ้นทุกสี่เดือนในยุค 1980 และได้เพิ่มเป็นทุกสามสัปดาห์ในปัจจุบัน สัญญาณทั้งหมดล้วนชี้ให้เห็นว่า “ยุคความสุดขั้ว” ได้กลายเป็นความปกติใหม่

คลองปานามาได้พบกับความแห้งแล้งที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 1950 ซึ่งนำไปสู่ข้อจำกัดด้านความสูงต่อเนื่องยาวนานและขีดจำกัดในการเดินเรือเนื่องจากความแห้งแล้ง ซึ่งส่งผลให้เรือบรรทุกสินค้าเทกอง เรือบรรทุกสินค้า และเรือบรรทุกสินค้าที่เป็นของเหลวเกิดความล่าช้า พายุฤดูหนาวบวกกับอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงที่สุดเป็นประวัติกาลยิ่งทำให้เกิดความล่าช้าและการยกเลิกเพิ่มขึ้นไปอีก เตรียมรับมือกับสภาพอากาศสุดขั้วในปี 2024

The cost of extreme weather (Source: Everstream Analytics, 2024 Annual Risk Report)
ต้นทุนของสภาพอากาศสุดขั้ว (แหล่งที่มา: Everstream Analytics, รายงานความเสี่ยงปี 2024)

บทสรุป: การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานในปี 2024

หากท่านไม่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ในการจัดการและลดความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน หมายความว่าท่านอาจจะไม่พร้อมรับมือกับปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานของ Everstream เก็บบันทึกและวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ เพื่อเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกและพยากรณ์ความเสี่ยง เราพึ่งพาความเชี่ยวชาญของพวกเขาในการสร้างแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ช่วยให้ลูกค้าของเราเตรียมรับมือกับปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานและหลีกเลี่ยงความปั่นป่วน และเราก็แนะนำให้ท่านทำเช่นเดียวกัน

บทความนี้ได้เผยแพร่เป็นครั้งแรกใน DHL Delivered และได้รับอนุญาตให้ทำการเผยแพร่อีกครั้ง